เอ็น (Gring) เป็นส่วนสำคัญของเร็กเกต เพราะช่วยในการตีลูกให้มีพลังมากขึ้น นักกีพาที่แรงไม่ค่อยดีหากได้เอ็นดีจะทำห้ตีได้แรงและไกล เอ็นที่ขึงแร็กเกตแบดมินตันมีทั้งที่เป็นเอ็นธรรมชาติและเอ็นสังเคราะห์ (synthetic gut)
เอ็นธรรมชาติจะมีความขืดหยุ่นดี แต่มีราคาพงและรักษยากทำให้ไม่ค่อยได้รับความนิขมมากนักดังนั้นนักบดมินตันส่วนใหญ่จึงใช้อ็นสังคราะห์ซึ่งมีขนดราคาที่แตกต่งกันมากมาย ในท้องตลาดปัจจุบัน
เอ็นจะมีขนาค ตั้งเเต่0.65 มิลลิเมตรจนถึง 0.78 มิลลิมตร เอ็นที่มีขนาดเล็กจะมีแรงดีดดีกว่าเอ็นที่มีขนาดใหญ่กว่าแต่โอกาสขาดก็มีมากกว่า เอ็นสำหรับบคมินตันเซ็ทจะมีความยาวประมาณ 37 ฟุต หรือ 10เมตร ราคาเตกต่างกันตามยี่ห้อ (brand name) และรุ่นที่แต่ละบริษัทกำหนด การเลือกใช้ต้องพิจารณากำลังทรัพย์ของตนเอง
ความสามารถในการรับน้ำหนักของเฟรมแร็กเกต ส่วนสีของเอ็นไม่มีผดต่อการตีเท่าไรนัก ความตึงของเอ็น ความตึงของเอ็นเป็นปัจจัยสำคัญมาก แร็กเกตดี เอ็นดี แต่ความตึงไม่เหมาะกับสภาพของเจ้าของก็ไม่มีประโยชน์มากนักจากประสบการณ์ของนักแบดมินตันฝีมือดีจะพบว่า การเลือกความตึงของเอ็น มักจะพูดว่า กี่ปอนด์ มีหลักการดังนี้
– เอ็นตึงมากเกินไปหรือหย่อน จะไม่มีแรงดีดหรือสปริง ตีลูกไม่ไป
– เอ็นหย่อนนิดหน่อย ช่วยในการควบคุมทิศทาง หรือวางลูก
– เอ็นก่อนข้างตึงจะดีสำหรับการตบ
– นักกีฬาที่มีพลังกล้ามเนื้อต่ำ หรือมีความร็วหัวไม้ต่ำควรขึ้นเอ็นอย่าให้ตึงมาก
– นักกีฬาที่มีพลังดีหรือเล่นมานานควรขึ้นเอ็นให้ตึง
โดยปกติเร็กเกตแบดมินตันสมารถขึ้นความตึงของเอ็นได้ ตั้งเต่ 12 ปอนค์ จนถึง 30ปอนด์ (บางรุ่นบริษัทเจ้าของโฆษณาขึ้นได้ถึง40ปอนด์) แต่นักกีพาหน้ำใหม่หรือ ระดับดันซึ่งความเร็วหัวไม้ต่ำ ควรขึ้นที่ระดับ13-15ปอนด์ น้กีพระดับกลาง ควรขึ้นระดับ 15-18 ปอนด์และนักกีพาทีมชาติอาจจะขึ้นที่ระดับ 18-25 ปอนด์ ทั้งนี้ต้องพิจารณาคุณสมบัติของเอ็น
#แบดมินตัน #อุปกรณ์ #ฝากเงินขั้นต่ำ300บาท
