AEW การมาของสมาคมที่จะเปลี่ยนธุรกิจมวยปล้ำ

AEW การมาของสมาคมที่จะเปลี่ยนธุรกิจมวยปล้ำ

ถ้าพูดถึงสมาคมมวยปล้ำก็ต้องนึกถึง WWE

WWE ชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันมายาวนานในวงการ MUAYมวยปล้ำมากกว่า 67 ปี ก้าวมาเป็นอันดับหนึ่งในวงการมวยปล้ำ ถึงแม้จะมีคู่แข่งด้านการตลาดมากมาย แต่ไม่เคยแพ้ให้แก่ค่ายไหนเลย ประสบการณ์ และการทำงานที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน

ผลดีของการผูกขาดวงการมวยปล้ำคือ กีฬามวยปล้ำที่ป่าเถื่อนเปลี่ยนแปลงเป็น กีฬารูปแบบให้ความบันเทิง Sport Entertainment ที่เข้าถึงคนดูได้ทุกเพศวัยไม่จำกัดในวงแคบเหมือนเมื่อก่อน และอีกวิธีที่ WWE ใช้กำจัดคู่แข่งทางธุรกิจคือการใช้เงินฟาดซื้อตัวนักมวยปล้ำของอีกค่ายมาจนหมด

แต่แล้วก็มีคู่แข่งที่เกิดขึ้นมาสมาคมที่มีชื่อว่า All Elite Wrestling (ออล อีลิท เรสลิง) หรือที่รู้จักกันในนาม AEW (เออีดับเบิลยู) และก็ไม่ใช่สมาคนที่ไม่มีที่มาที่ไปหรือทุนต่ำ แต่เป็นค่ายมวยปล้ำที่ถูกสนับสนุนจากนายทุนเศรษฐีระดับพันล้าน และบริหารโดยนักมวยปล้ำที่มีประสบการณ์จากสังเวียนมาแล้วทั่วโลก พร้อมนโยบายที่แตกต่างจาก WWE

ถามว่าจุดเริ่มต้นของสมาคมนี้เกิดได้อย่างไร?  และเป้าหมายสูงสุดของ AEW​? เดี๋ยวเราต้องมาดูกันว่าเป้าหมายที่ไม่ธรรมดาของเค้าคืออะไร

มันมีที่มาจากการดูถูก

จุดเริ่มต้นของ AEW คือมาจากสังคมออนไลน์ เมื่อแฟนมวยปล้ำคนหนึ่งส่งมาถาม เดฟ เมลท์เซอร์ (Dave Meltzer) นักวิจารณ์มวยปล้ำขื่อดัง ผ่านทางทวิตเตอร์ ว่า “ คุณคิดว่าสมาคม ROH (อาร์โอเอช) จะสามารถจัดโชว์มวยปล้ำแขะขายตั๋วหมด ในสนามที่จุคนได้มากกว่าหนึ่งหมื่นคนหรือเปล่า แบบ เมดิสัน สแควร์ การ์เดน อะไรทำนองนั้น “

หลังจากได้อ่านข้อความนั้น เมลท์เซอร์ ตอบกลับแฟนมวยปล้ำรายนั้นอย่างมั่นใจว่า “ ไม่ใช่ในเร็ววันนี้ “ จริงๆเรื่องน่าจะจบแค่นั้น แต่ด้วยข้อความไปถึง โคดี้ โรดส์ (Cody Rhodes) อดีตนักมวยปล้ำจาก WWE ที่ปล้ำให้กับสมาคม ริง ออฟ ออเนอร์ (Ring of Honor) หรือ ROH ในขณะนั้น

โคดี้ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ เกี่ยวกับบทความที่ได้อ่านมาของข้อความเมลล์เซอร์ “ ความจริงไอเดียที่จะจัดโชว์แบบนั้นมันมีอยู่แล้ว สมาคม ริง ออฟ ออเนอร์ กำลังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ อีเวนต์ของเราสนุกมากว่าเมื่อก่อน เมื่อเราได้เห็นทวิตนั้นเข้า มันรู้สึกเลยว่าความคิดนี้เราเข้าท่า “

ด้วยเหตุนี้ โคดี้ จึงตอบคนในทวิตดังกล่าวว่า “ผมรับคำท้านั้น เดฟ” จากนั้นดึงเพื่อนสนิทอีกสองคนออกมาช่วยคือ แมตต์ และนิค แจคสัน (Matt and Nick Jackson) หรือที่รู้จักกันในนาม ยัง บัคส์ (Young Bucks) เข้ามาเป็นทีมโปรดิวเซอร์ในโปรเจคต์นี้

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม โชว์ที่ต้องการจัดให้ ROH ต้องได้รับการอนุมัติจากสมาคม ในขณะที่เค้าเดินทางหาสนามที่ต้องการ เมื่อมีการก้าวออกมา แต่อีกฝ่ายยังอยู่ที่เดิม ดังนั้นโคบี้รับความเสี่ยงเพิ่มไปอีกด้วยการประกาศว่าอีเว้นต์นี้เค้าจะเป็นคนจัดเองททั้งหมด โดยไม่ขี้นตรงกับสมาคมมวยปล้ำ

เนื่องจากไม่มีการสนับสนุนใดๆทั้งสิ้น เค้าจึงจำเป็นต้องเปิดอีเว้นต์นี้แบบโอเพ่น ด้วนการเชิญชวนนักมวยปลั้มไร้สังกัด ทั้ง อเมริกา ญี่ปุ่น หรือเม็กซิโก ทุกคนมีสิทธิ์ร่วมรายการนี้ทั้งหมด พร้อมประกาศชื่องานเป็น ออล อิน All In เรียกได้ว่าเทหมดหน้าตักเลยทีเดียว

ด้วยเหตุข้างต้น ทำให้เป็นโชว์ ที่รวมนักมวยปล้ำชื่อดังไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแชมป์โลกจากสามสมาคม ROH, New Japan และ NWA ร่วมปล้ำ และยังมีนักมวยปล้ำชื่อดังอย่าง เรย์ มิสเตริโอ, สเตฟาน อาเมลล์ พระเอกจากซีรีย์แอร์โรว์ เข้ามาร่วมแจม

และวันที่รอคอยก็มาถึง วันที่ 1 กันยายน 2018  ศึก All In จัดขึ้นที่สนาม ฮอฟมัน เอสเตต (Hoffman Estate) ในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินนอยส์ มีผู้เข้าชมเยอะถึง 11,263 คน ทำลายทุกสถิติเป็นอิเวนต์มวยปล้ำแรกที่มีผู้ชนเกินหนึ่งหมื่นคน และได้ได้จัดโดย WWE หรือ WCW

Leave a Reply